Battlefield 5 reviwe

First Impression: Battlefield 5 ความประทับใจ หลังการเปิดตัว




First Impression จะเป็นช่วงที่ทีมงานเรา มาพูดถึงความประทับใจแรกหลังการเปิดตัวเกมแบบไม่มีสคริปท์ สด ๆ จากใจพวกเราเลย สำหรับตอนแรกนี้ ก็ถือโอกาสที่ Battlefield 5 พึ่งจะเปิดตัวได้ไม่นาน ให้พวกเราออกมาพูดคุย แสดงความคิดเห็นกันซักหน่อย ต้องขออภัยที่วิดีโอนี้ เราอาจจะมากันแค่ 2 คน คือผม (XTER-VENDETTA) กับพี่โน๊ต (Jokeboy)  เอาไว้ในโอกาสต่อไป จะมีทีมงานคนอื่น ๆ มาแจมด้วยอีกนะครับ
และจากนี้ไป ช่วง First impression อาจจะไม่ได้พูดถึงการเปิดตัวเกมอย่างเดียว หากมีอะไรอย่างอื่นที่น่าสนใจ เราก็จะลองหยิบมาพูดคุยเช่นกัน

12 สิ่งที่เปลี่ยนไป ใน Battlefield 5

ประสบการณ์ตรง จาก Battlefield 5 เวอร์ชั่น Closed Alpha
หากคุณเป็นแฟน Battlefield และกำลังรอการมาถึง ของ Battlefield 5 ในวันนี้ เรามีข้อมูลใหม่ ที่มาจากประสบการณ์ตรงในช่วง Closed Alpha ที่พึ่งจะปิดไปนี่เอง เพื่อเป็นการชิมลางซักเล็กน้อยก่อนจะได้สัมผัสกับเวอร์ชั่น Beta ที่จะเปิดให้เล่นพร้อมกันทั่วโลก รวมถึงเกมเต็มที่จะมาในวันที่ 18 ตุลาคมปีนี้
ถ้าใครกำลังกังวลเรื่องความต้องการของระบบว่าจะต้องใช้ PC แรงขนาดไหน จากที่พวกเราได้ลองเทสกันดู สรุปได้ว่า ถ้า PC ของคุณเคยเล่น Battlefield 1 ได้เกิน 60 FPS คุณก็ยังสามารถเล่น Battlefield 5 ได้เกิน 60 FPS เช่นกัน ซึ่งในการเทสนี้ เราได้ใช้คอมพิวเตอร์ i5 8500K, GTX 1070 และ Ram 8 GB โดยปรับกราฟฟิค Ultra ทั้งหมด (เกมปรับมาให้โดยอัตโนมัติ) ผลปรากฏว่า ได้เฟรมเรตเฉลี่ยอยู่ที่ 70 FPS เลยทีเดียว ซึ่งเกมในตอนนี้ยังไม่สมบูรณ์เท่าไหร่ ยังมีบั๊คและอะไรอีกหลายอย่างที่ต้องแก้ไข เพราะงั้นในเกมเต็มน่าจะเล่นได้ดีกว่านี้แน่นอน
แต่ในบรรดาความต่างที่พวกเราได้เข้าไปสัมผัสกันมา บอกได้เลยว่า ถ้าคุณชินกับ Battlefield 1 หรือแม้แต่ Battlefield ภาคก่อน ๆ คุณจะต้องปรับตัวกันขนานใหญ่เลยทีเดียว และนี่คือลิสท์ของการเปลี่ยนแปลงที่พวกเราเก็บข้อมูลมาให้ชม

  • ความแรงของ Damage ในภาคนี้จะแรงกว่าเดิมมาก ซึ่งมันค่อนข้างใกล้เคียงกับ Battlefield 3 เลยทีเดียว มันจะเป็นเกมที่ยิงกันตายเร็วมาก ถ้าคุณเก่งพอ Assault Rifle แม็กกาซีนเดียว อาจจะยิงคว่ำได้ถึง 3 ศพ แต่ในทางกลับกัน ถ้าฝีมือเกม Shooting ของคุณยังไม่ถึงขนาดดูแลตัวเองได้ คุณก็จะเป็นไก่สนามยิ่งกว่าทุกภาค และถ้าคุณ Ping สูง คุณก็จะเสียเปรียบอย่างหนัก จนบางทีคุณจะรู้สึกเหมือนโดนนัดเดียวตาย ทั้งที่ศัตรูไม่ได้ยิงหัวคุณด้วยซ้ำ (ด้วยความที่ Closed Alpha ไม่มีเซิร์ฟเวอร์ใกล้กับบ้านเรา ทำให้ผู้เขียนต้องทนเล่นบน Ping ระดับ 200+ จนเกือบจะคว่ำโต๊ะออฟฟิศเลยทีเดียว…) ยิ่งความแรง Headshot ในภาคนี้ จะมีตัวคูณอยู่ที่ 1.9 ต่างจากใน Battielfield 1 ที่แรง Headshot อยู่ที่ 1.7  เพราะงั้น เล็งเข้าหัวไว้ครับ… และหาเซิร์ฟเวอร์ที่ Ping ต่ำที่สุดเท่าที่จะหาได้
Battlefield V
  • ระบบปืนได้รับการดัดแปลงใหม่หมด ไม่มีอีกแล้วกับระบบกระสุนกระจายตัว (เล็งยิงตรง ๆ แต่กระสุนกระจายออกรอบ ๆ ศูนย์เล็ง) Battlefield 5 เปลี่ยนมาใช้ระบบที่คล้ายกับการเอา Call of Duty กับ Counter-Strike มารวมกัน เมื่อคุณเล็งยิง ปืนจะสะบัดไปตามแรงถีบ ถ้าเป้าคุณหันไปทางไหน กระสุนก็จะตกตรงนั้น ไม่มีกระสุนเฉจากเป้าแบบภาคก่อน ๆ ซึ่งนี่ก็คือสไตล์ของ Call of Duty  และปืนแต่ละกระบอก จะมีทิศทางแรงถีบที่เป็นของตัวเอง  คุณต้องฝึก และเรียนรู้ในการคุมแรงถีบของอาวุธนั้น ๆ คล้ายกับใน Counter-Strike และขอให้ลืมระบบจาก Battlefield 1 ไปเลย อย่างเช่น ปืน Support ที่ยิ่งยิงค้าง ก็ยิ่งแม่นขึ้น มันไม่มีอีกแล้วใน Battlefield 5 เปลี่ยนมาเป็นอาวุธบางชนิด จะ Aim Down Sight ไม่ได้ (คลิกขวา ยกเล็ง) ถ้าหากไม่ได้ตั้งขาทราย ซึ่งเป็นการจำกัดให้อาวุธนั้นใช้สำหรับเล่นแบบ Defensive อยู่กับที่ วิ่งลุยไม่ได้ หรือปืน Sniper Rifle ก็ไม่มีระบบ Sweet Spot ยิงโดนตัวนัดเดียวตาย Sniper Rifle ของภาคนี้ กลับไปเป็นเหมือน Battlefield ภาคก่อน ๆ นั่นคือ ถ้าคุณอยากจะให้ตายในนัดเดียว ต้องยิงเข้าหัวเท่านั้น และสำหรับ Medic กับ Assault คราวนี้ คุณสามารถใช้ปืนกลเล็ก หรือ SMG แทนอาวุธหลักของคลาสได้ อย่างเช่น Assault จะมี Assault Rifle เป็นอาวุธหลัก แต่ถ้าคุณอยากเน้นวิ่งประชิด ก็สามารถเปลี่ยนมาถือ SMG หรือ Medic ที่ใช้ปืน Self-Loading Rifle เน้นยิงทีละนัดจากระยะไกล คราวนี้คุณสามารถเปลี่ยนมาเป็น SMG วิ่งคู่ไปกับ คลาส Assault ได้เช่นกัน
Battlefield V
  • 3D Spot ไม่มีอีกแล้ว คุณไม่สามารถวิ่งไปเรื่อยแล้วกดปุ่ม Spot รัว ๆ เหมือนเมื่อก่อน การกด Spot ในภาคนี้เปลี่ยนเป็นแค่การมาร์คจุดบนแผนที่ว่ามีอะไรบางอย่างอยู่ตรงนั้น แต่ไม่เห็นตัวศัตรูจริง ๆ ซึ่งจุดแดงเหนือหัวศัตรูก็ยังมีเห็นอยู่ แต่คุณจะเห็นก็ต่อเมื่อคุณมองไปหาศัตรูตัวนั้นตรง ๆ และจะมีแต่คุณเท่านั้นที่เห็น เพื่อนร่วมทีมไม่เห็นด้วย ซึ่งนี่ก็เป็นอีกระบบที่คล้ายกับ Call of Duty เช่นกัน ทำให้ในภาคนี้ คุณต้องใช้ หู ตา มากกว่าเดิม ไม่ใช่มองหาแต่จุดแดงเหมือนภาคก่อน ๆ (อีกอย่างที่ผมสัมผัสได้ คือเสียงฝีเท้าศัตรูในภาคนี้ ค่อนข้างเบากว่าในภาคที่แล้ว ยิ่งทำให้เราต้องใช้ทักษะเกม Shooting หนักเข้าไปอีก) แต่หากคุณอยากใช้ 3D Spot ก็ทำได้ ซึ่งมันจะเป็นไอเทมกล้องส่องทางไกลของ Scout ที่ส่งตรงมาจาก Battlefield 1 รวมทั้งพลุ Spot ศัตรู ก็ยังกลับมาด้วย แต่คราวนี้จะเป็นการยิงขึ้นไปบนฟ้า เมื่อยิงขึ้นไปแล้วมันจะลอยค้างอยู่ระยะนึง และ Spot ศัตรูเป็นวงกว้างให้เห็นใน Minimap หรือเราจะยิงลงพื้นเหมือนภาคที่แล้วก็ได้ แต่รัศมีในการ Spot จะเล็กกว่ามาก ๆ (หมายเหตุ: ระบบ Minimap ของ Battlefield 5 ยังคงเป็นเหมือนใน Battlefield 1 นั่นคือศัตรู จะไม่โผล่ให้เห็นใน Minimap เวลาที่พวกเขาลั่นไกปืน)
Battlefield V
  • ระบบพลังชีวิต ยังคงฟื้นได้เอง แต่จะไม่ฟื้นจนเต็ม 100 HP เหมือนภาคก่อน ถ้าหากว่าคุณบาดเจ็บ พลังชีวิตที่ฟื้นด้วยตัวเอง จะฟื้นให้คุณประมาณ 40% – 45% อย่างเช่น ถ้าคุณพลังลดลงมาอยู่ที่ 67 HP ก็อาจจะฟื้นเองได้ถึง 100 HP แต่ถ้าพลังคุณลดลงมาถึง 38 HP พลังที่ฟื้นเอง ก็อาจจะสุดที่ 75 HP หรือถ้าพลังคุณลดต่ำกว่า 10 HP พลังที่ฟื้นเอง ก็อาจจะได้แค่ 45 HP  ถ้าหากจะให้เต็ม 100 HP คุณต้องใช้กล่องพยาบาลเท่านั้น นั่นคือคุณไม่สามารถวิ่งลุยไปคนเดียว ยิงตาย 3-4 ศพ แล้วหาที่แอบ ฟื้นพลังจนเต็ม 100 HP เหมือนเมื่อก่อน ทำให้ Medic ยิ่งมีความสำคัญ
Battlefield V
  • กระสุนที่พกติดตัวจะมีจำนวนน้อยมาก เมื่อเทียบกับภาคก่อน ๆ และทุกครั้งที่คุณเกิดออกมา คุณจะมีกระสุนน้อยกว่าที่ควรจะพกได้ 1 แม็กกาซีน อย่างเช่นคลาส Assault จะมีกระสุนสำรองแค่แม็กเดียว ทั้งที่จริงเราพกได้ 2 แม็ก ส่วน Medic และ Scout จะมีติดตัว 2 แม็ก ทั้งที่จริงเราพกได้ 3 แม็ก ยกเว้นคลาส Support ที่จะมีกระสุนเต็มแต่แรก (แต่ก็ยังถือว่าน้อยกว่า ในภาคก่อน ๆ) ทำให้ Support ยิ่งสำคัญกว่าทุกภาค เพราะทุกคนจะกระสุนหมดเร็วมาก เป็นหน้าที่ของ Support ที่ต้องคอยป้อนกระสุนให้ทุกคน หรือคุณอาจจะเอาตัวรอดด้วยการเก็บกระสุนเพียงไม่กี่นัดจากศัตรูที่ตาย แต่มันจะน้อยมาก อย่าง Assault Rifle อาจจะได้แค่ 10 นัด หรือ Self-Loading Rifle ของ Medic อาจจะได้แค่ 3 นัด เพราะงั้น มี Support คอยตามสนับสนุน ยังไงก็ดีกว่ากันเยอะ
Battlefield V
  • ตามจุด Objective หรือธงจะมีกล่องกระสุนกับกล่องพยาบาลให้เก็บ นี่เป็นตัวเลือกที่ไม่เคยมีมาก่อนในซีรีส์ Battlefield ถ้าหากว่าคุณไม่มีเพื่อนช่วยคุณก็ยังพอเอาตัวรอดเองได้ด้วยการเติมเสบียงจากกล่องในธง แต่คุณไม่สามารถหยิบมันได้เรื่อย ๆ  หลังจากที่คุณหยิบ 1 ครั้ง คุณจะต้องรอประมาณ 30 วินาทีเพื่อที่จะหยิบใช้งานได้อีก ยิ่งทำให้ธงสำคัญมากขึ้น เพราะนอกจากจะเป็นจุดเกิดมันยังเป็นจุดที่ให้เราฟื้นตัวได้ แต่ต้องระวังให้ดี เพราะกล่องพวกนี้สามารถถูกทำลายได้ เราอาจจะใช้มันเป็นแทคติคด้วยการทำลายกล่องกระสุนกับกล่องพยาบาลในธงศัตรู เพื่อให้ศัตรูฟื้นตัวลำบากแต่ถ้าคุณยึดธงนั้นได้คุณก็จะไม่มีกล่องให้ใช้เช่นกัน (หมายเหตุ: อาวุธพิเศษของแต่ละคลาส  Support จะไม่สามารถเติมให้ได้ อย่างเช่น จรวดต่อต้านรถถัง, Sticky Bomb, พลุ spot ศัตรู คุณต้องเติมจากกล่องกระสุนในธงเท่านั้น)
Battlefield V
  • ยานพาหนะกระสุนหมดได้ ไม่สามารถเติมขึ้นเองเหมือนภาคก่อน ซึ่งกล่องกระสุนที่อยู่ตามธงจะเป็นตัวช่วยในด้านนี้ เพราะงั้นมันอาจจะคุ้มกว่า หากว่าเราปกป้องมันไว้ไม่ให้ถูกทำลาย ส่วนอากาศยานจะต้องบินกลับไปที่จุดเกิดหลัก ซึ่งจะมีไอคอนลอยอยู่กลางอากาศ นั่นคือจุดที่ใช้เติมกระสุนของอากาศยาน
Battlefield V
  • การยิงกดดัน หรือระบบ Suppression ไม่มีผลกับความแม่นของปืนอีกต่อไป ในภาคก่อนถ้าคุณโดนยิงกดดัน ปืนของคุณจะสะบัดเกินกว่าจะควบคุมทำให้ยิงสวนได้ลำบากมาก แต่มาในภาคนี้การถูกยิงกด จะไม่มีผลแบบนั้นอีกแล้ว มันจะมีผลที่ทำให้หน้าจอเบลอขึ้นนิดนึง แต่คุณยังสามารถยิงสวนกลับไปได้อย่างแม่นยำ แต่การถูกยิงกดยังคงมีผลให้การฟื้นพลังชีวิตด้วยตัวเองหยุดลง และทำให้เพื่อนในหมู่รบเกิดด้วยไม่ได้ ก็ถือเป็นระบบที่ลงตัวและแฟร์ขึ้นกว่าภาคก่อน ๆ
Battlefield V
  • การเคลื่อนไหว และแอ็กชั่นหลาย ๆ อย่าง ในภาคนี้จะเป็น Animation เกือบหมด กล่องพยาบาลใหญ่ หรือ กล่องกระสุนใหญ่ ที่ Medic กับ Support วางลงพื้น คุณจะไปยืนใกล้ ๆ แล้วให้มันฟื้นพลังหรือเติมกระสุนให้เองไม่ได้ คุณต้องเดินเข้าไปหาแล้วกด E ก้มหยิบมันขึ้นมา รวมทั้งการชุบชีวิตเพื่อนก็ยังเป็น Animation ที่ทำให้คุณตกเป็นเป้าได้ง่ายขึ้น และการขึ้นยานพาหนะจะไม่ได้มีแต่ Animation ตอนขึ้นเหมือนใน Battlefield 1 แต่จะมี Animation ตอนลงจากยานพาหนะด้วย และแน่นอนว่าจังหวะนั้น คุณก็ถูกยิงได้เช่นกัน ยิ่งการตกจากที่สูงในภาคนี้ คุณจะมีอาการทรุดเล็กน้อย ยิ่งถ้าตกสูงมากแต่ไม่ตาย คุณจะทรุดอยู่กับพื้นขยับตัวไม่ได้เกือบ 2 วินาทีเลยทีเดียว
Battlefield V
  • และการเคลื่อนไหวในภาคนี้จะหลากหลายขึ้น คุณสามารถวิ่งแล้วกดกระโดดกระโจนตัวทะลุหน้าต่างบ้านออกไปได้เลยไม่จำเป็นต้องทุบให้แตกก่อน คุณสามารถนั่งยองแล้ววิ่งไปได้เหมือนในเกม Gears of War คุณสามารถโผลงไปนอนบนลงพื้นได้ทั้งซ้าย ขวา หน้า หลัง และขยับตัวระหว่างนอนอยู่บนพื้นได้ทุกทาง (คล้าย ๆ กับ Resident Evil 6 แต่เป็นแบบ FPS) แม้ว่าการเคลื่อนไหวใน Battlefield 1 มันก็คล่องตัวดีอยู่แล้ว แต่ Battlefield 5 ก็ทำให้มันคล่องตัวขึ้นไปอีก
Battlefield V
  • การชุบชีวิตจะมีความละเอียดมากขึ้น ถ้าคุณถูกยิงตาย หากว่าคุณไม่กดคลิกซ้ายค้าง เพื่อนร่วมทีมจะไม่เห็นสัญลักษณ์ว่าคุณต้องการให้เพื่อนชุบ ซึ่งการคลิกซ้ายค้างก็จะเป็นการยื้อเวลาให้คุณยังไม่กลับไปหน้าเมนูเกิด หรือถ้าคุณไม่อยากให้เพื่อนชุบ อยากเปลี่ยนคลาส, อยากแต่งของใหม่ ก็ปล่อยไปเลยไม่ต้องกดอะไร และที่ยิ่งพิเศษคือ คุณสามารถชุบชีวิตเพื่อนได้แม้ว่าคุณจะไม่ใช่ Medic แต่ทำได้กับเฉพาะเพื่อนในหมู่รบเท่านั้น ถ้าหากว่าเพื่อนคุณตายแล้วร้องขอให้ช่วย คุณสามารถเข้าไปกด E ค้างที่เพื่อน และชุบเขาขึ้นมาได้ ซึ่งระบบนี้ มีชื่อว่า ‘Buddy Revive’ ทำให้เพื่อนใน Squad ทุกคนสามารถชุบชีวิตกันเองได้ ไม่ว่าจะเป็นคลาสอะไรก็ตาม แต่ Buddy Revive ก็ไม่ดีเท่าเข็มฉีดยาของ Medic เพราะ Animation ในการชุบ จะนานกว่า ซึ่งเข็มฉีดยา จะใช้เวลาประมาณ 2 วินาที ส่วน Buddy Revive จะประมาณ 7 วินาที เลยทีเดียว แถมเพื่อนที่ถูกชุบขึ้นมา ก็จะมีพลังชีวิตแค่ 49 HP เท่านั้น ต่างจากเข็มฉีดยาของ Medic ที่จะเต็ม 100 HP Buddy Revive จึงเป็นทางเลือกฉุกเฉินที่ดูเข้าท่าอย่างมาก
Battlefield V
  • นอกจากการช่วยเหลือกันในหมู่รบ ที่เป็นประโยชน์มากกว่าในภาคก่อน ๆ การทำแต้มร่วมกันในหมู่รบ ก็จะเปิดโอกาสให้หัวหน้าหมู่ได้ใช้ ‘ท่าไม้ตาย’ ที่ไม่เคยมีมาก่อนในซีรีส์ Battlefield ซึ่งมันจะคล้าย ๆ กับ Kill Streak ใน Call of Duty นั่นคือ เมื่อหมู่รบของคุณสามารถทำแต้มร่วมกันได้ถึงระดับนึง ไม่ว่าจะเป็นการฆ่าศัตรู, ยึดธง, ชุบเพื่อน, เติมกระสุน, ฟื้นพลัง หัวหน้าหมู่ สามารถที่จะเรียกการสนับสนุนพิเศษมาใช้ ซึ่งในเวอร์ชั่น Closed Alpha จะมี 2 ตัวเลือก คือเรียกรถถังใหม่มาให้ทันที ซึ่งจะใช้แต้มหมู่รบ 2 หมื่นกว่าแต้ม กับ V1 Rocket ที่เราได้เห็นกันไป ใน Trailer เปิดตัว ที่ต้องใช้แต้มหมู่รบถึง 4 หมื่นกว่าแต้ม แล้วขอบอกเลยว่า เวลาเรียกมายิงใส่กันแต่ละที เรียกได้ว่าแผ่นดินสะเทือน… นั่นคือในภาคนี้ นอกจากเกมจะพยายามให้เราเล่นกันเป็นหมู่รบคอยสนับสนุนกันตลอดเวลา คุณยังมีรางวัลในตอนท้ายที่เป็นผลมาจากการร่วมแรงร่วมใจในหมู่รบของคุณด้วย
Battlefield V
เป็นยังไงกันบ้างครับ กับรายละเอียดที่เราเก็บมาฝาก จาก Closed Alpha ก็น่าจะสัมผัสได้แล้วว่า Battlefield 5 จะเป็นภาคที่ Hardcore ที่สุดของ Battlefield และเป็นภาคที่ต้องการ Teamwork อย่างสูงด้วย ถ้าให้พวกเราแนะนำในตอนนี้ ก็ขอแนะนำว่าให้รวมเพื่อน ๆ ที่อยากเล่นด้วยกันไว้เลย เพราะหลังจากที่พวกเราไปสัมผัสกันมาแล้วบอกได้เลยว่า เล่นคนเดียวไม่สนุกเท่าเล่นกับเพื่อนแน่นอน ซึ่งระหว่างเล่นพวกเราก็รู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ แม้ว่าเกมจะยากกว่าเดิม แต่การได้วิ่งตามกันเป็นทีมได้ใช้การสนับสนุนหลาย ๆ รูปแบบ มันเร้าใจยิ่งกว่าภาคก่อน ๆ มาก พูดตรง ๆ เลยว่า เกมเมอร์สายเหงา สาย Lone Wolf สายหมาป่าเดียวดายทั้งหลาย น่าจะไม่แฮปปี้เท่าไหร่กับภาคนี้
หากใครสนใจ ก็เตรียมตัวรับมือกันให้ดี ตุลาคม นี้ครับ…  See you on the Battlefield.

5 เรื่องที่ Battlefield V ไม่เหมือนภาคก่อน

เปลี่ยนอะไร มาเป็นยังไง เข้าใจชัด ๆ ได้ตรงนี้เลย
‘Never be the same’ นั่นคือนิยามที่ทางผู้สร้างใช้โฆษณา Battlefield V ตั้งแต่เปิดตัว แต่แม้ว่าแฟน ๆ จะได้เห็น Trailer ได้ลองทดสอบเวอร์ชั่น Closed Alpha ทั้ง 2 ครั้ง  และตามมาด้วย Open Beta ที่พึ่งจะปิดไปได้ไม่นาน ก็ยังคงมีกระแสอีกจำนวนไม่น้อยที่บอกว่าภาคนี้ไม่รู้สึกต่างไปจากเดิมเท่าไหร่ แต่เราขอนำข้อมูลของเกม Battlefield V มาสรุปให้เข้าใจกันชัด ๆ อีกครั้ง ว่าทำไมผู้สร้างถึงย้ำนักย้ำหนาว่าภาคนี้มันไม่เหมือนเดิม (จริง ๆ นะ ตัวเอง)

Hardcore เพื่อเน้น Teamwork

หลังจากที่เราวิ่งยิงกันเละเทะ High-Speed ในภาค 3, 4 พอมาถึง Battlefield 1 ผู้สร้างก็พยายามผลักดันให้ผู้เล่นเน้นความเป็น Teamwork มากขึ้น ด้วยการจำกัดอาวุธและความสามารถของแต่ละคลาสให้เป็นแบบหมากรุก ไม่มีใครทำอะไรได้ด้วยตัวคนเดียว แต่ในภาคนี้ เขาขยับแนวคิดนี้ขึ้นไปอีกระดับ Battlefield V นำเสนอรูปแบบการเล่นที่นิยามว่า ‘Attrition Warfare’ คุณไม่สามารถฟื้นพลังด้วยตัวเองจนเต็ม 100 HP เหมือนเมื่อก่อน แต่คุณจะฟื้นพลังได้แค่ 30 HP ถ้าจะให้เต็มต้องใช้กล่องพยาบาล และทุกครั้งที่คุณเกิดออกมาคุณจะมีกระสุนน้อยกว่าที่ควรจะมี 1 แม็ก หรือ 1 ชิ้น ถ้าจะให้เต็มก็ต้องได้รับกล่องกระสุน และคุณไม่สามารถ Spot ศัตรูแบบ 3D Spot ทำได้แค่มาร์คจุดว่ามีอะไรบางอย่างอยู่ตรงจุดนั้น ความสามารถ 3D Spot ถูกกำหนดไว้ให้คลาสหน่วยสอดแนม
บรรดาอาวุธ อุปกรณ์ ก็ถูกปรับให้ใช้งานลำบากขึ้น คราวนี้ระเบิด ไดนาไมท์ ไม่แรงพอที่จะพังรถถังได้ แม้จะโยนเข้าไปเต็ม ๆ 3 ลูก เพื่อให้หน่วยจู่โจมไม่สามารถทำลายรถถังด้วยตัวคนเดียว คุณไม่สามารถโยนกล่องพยาบาล หรือ กล่องกระสุนขนาดเล็กไว้ตามพื้น ทำได้แค่โยนส่งให้ผู้เล่นอีกคนแบบตัวต่อตัว เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้เล่นเติมพลังหรือกระสุนง่าย ๆ และกล่องพยาบาลใหญ่ หรือ กล่องกระสุนใหญ่ ก็จะไม่ฟื้นพลังหรือเติมกระสุนผู้เล่นที่อยู่ใกล้แบบอัตโนมัติ คุณต้องเข้าไปกดใช้ด้วยตัวเองถึงจะเป็นการเติม และกล่องกระสุนเล็กที่โยนให้กันจะไม่เติมกระสุนอาวุธพิเศษอย่าง ไดนาไมท์, จรวดต่อต้านรถถัง, กับระเบิด ทำให้หน่วยสนับสนุนต้องชั่งน้ำหนักความสำคัญว่าจะเอากล่องกระสุนใหญ่มาด้วย หรือจะเอาอุปกรณ์อย่างอื่นมาแทน และสำหรับภาคนี้ การหยิบอาวุธที่ตกอยู่บนพื้นจะไม่ใช่การเปลี่ยนคลาส แต่จะเป็นแค่การเปลี่ยนปืนเท่านั้น นั่นแปลว่าแทคติกเปลี่ยนคลาสกลางทางที่เคยทำในภาคก่อน ๆ ได้ถูกตัดออกไปแล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้เล่นฝืนทำอะไรด้วยตัวคนเดียว คุณไม่สามารถเป็นหน่วยจู่โจมแล้วหยิบคลาสแพทย์สนามมาวางกล่องพยาบาล, หยิบคลาสสนับสนุนมาวางกล่องกระสุนให้ตัวเองก่อนเปลี่ยนกลับไปคลาสเดิม หรือหยิบคลาสหน่วยจู่โจมมาต่อกรกับรถถังที่อยู่ตรงหน้า คุณทำอย่างนั้นไม่ได้อีกต่อไป คุณเกิดออกมาด้วยคลาสอะไร คุณก็จะเป็นคลาสนั้นจนกว่าจะตายแล้วไปเลือกใหม่ แม้ว่าอาวุธในภาคนี้จะไม่ได้จำกัดพลังในการต่อสู้ระดับที่ Battlefield 1 เคยทำ แต่ในด้านระบบและความสามารถ คุณจะรู้สึกถึง’การต่อสู้อย่างกระเสือกกระสน’ที่แท้จริงหากไม่มีเพื่อนร่วมทีมคอยสนับสนุน

ระบบใหม่ที่น่าสนใจ

แม้ว่าอะไรหลายอย่างจะเปลี่ยนไป แต่ Battlefield V ก็แทนที่ด้วยระบบใหม่ที่เข้าท่ามาก ๆ การยิงกดดันจะไม่มีผลกับความแม่นยำอาวุธของผู้ที่ถูกยิงกด แต่จะทำให้เขาปรากฏขึ้นใน Minimap ของฝั่งตรงข้าม และหากถูกยิงกดดันอย่างสมบูรณ์(หน้าจอเบลอ) ก็จะทำให้ศัตรูตัวนั้นมีเครื่องหมายมาร์คหัวชั่วคราว ช่วยให้เราและเพื่อนร่วมทีมมองเห็นได้อย่างชัดเจน ซึ่งคุณเองก็ต้องระวังการถูกยิงกดเช่นกัน แม้ว่าคุณจะยิงสวนกลับไปได้โดยไม่มีผลกับความแม่นปืน แต่คุณก็จะกลายเป็นเป้าให้กับฝั่งตรงข้ามทั้งทีม และถึงคุณจะฟื้นพลังจนเต็มไม่ได้ แต่คุณสามารถพกกล่องพยาบาลได้ 1 กล่อง เพื่อใช้เติมพลังจนเต็มได้ครั้งเดียว ถ้าอยากจะได้อีกก็ต้องเก็บมาจากกล่องตามฉากหรือมีหน่วยแพทย์โยนมาให้ ยิ่งทำให้แพทย์สนามสำคัญมากขึ้น เพราะถึงเพื่อนร่วมทีมจะยังไม่บาดเจ็บก็สามารถโยนกล่องพยาบาลไว้ให้ใช้ในยามที่ต้องการ
ระบบการสร้าง หรือ Fortification เป็นแทคติกใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน ในจุดยุทธศาสตร์ที่คุ้มกันได้ยากคุณสามารถสร้างกำบังเพื่อใช้เป็นข้อได้เปรียบ ปิดทางเข้าบางจุดเพื่อให้ง่ายต่อการป้องกัน และคลาสสนับสนุนจะเป็นดาวเด่นในเรื่องนี้ นอกจากความสามารถในการเติมกระสุนให้เพื่อนร่วมทีม คุณยังสร้างสิ่งก่อสร้างได้เร็วกว่าคลาสอื่น และสามารถสร้างของพิเศษที่มีผลยิ่งกว่า เช่น วางลวดหนามกันคนปีนกระสอบทราย สร้าง Tank Trap ขวางถนนไม่ให้รถถังบุกเข้ามาได้ง่าย ๆ   หรือ สร้างป้อมปืนกลให้เราและเพื่อนร่วมทีมได้ใช้ นี่คือครั้งแรกที่เราได้เล่นเป็นผู้สร้าง หลังจากเป็นผู้ทำลายมาตลอดใน Battlefield ทุกภาค
และคราวนี้ หัวหน้าหมู่รบสามารถเรียกกำลังเสริมออกมาได้ หากแต้มรวมกันของผู้เล่นในหมู่รบมีเยอะจนถึงกำหนด อย่างเช่น 7,500 แต้ม สามารถเรียกกล่องยุทธภัณฑ์มาลงให้ในที่ที่ต้องการ เพื่อใช้ในการเติมกล่องพยาบาลและกระสุนจนเต็ม 20,750 แต้ม จะเป็นการเรียกรถถังพิเศษออกมาใช้ และ 41,500 แต้ม สามารถเรียกจรวดมาล้างบางศัตรูในจุดที่ต้องการ

ใช้ฝีมือมากกว่าเดิม

เปลี่ยนมาสู่แนว Shooting เน้นฝีมือ อย่างที่แฟน ๆ เรียกร้องกันมานาน ตัดอาวุธ อุปกรณ์ หรือความสามารถที่ฆ่ากันง่าย ๆ ออกไป เน้นยิงกันตรง ๆ เหมือนในยุคของ Battlefield 3 อีกครั้ง ตัวอย่างเช่น อาวุธไฟของภาคนี้ จะเป็น Area Damage ไม่ได้ลุกไหม้ติดตัวเหมือนใน Battlefield 1 ตัดระเบิดแก๊สพิษออกไป รวมถึงปุ่มใช้หน้ากันแก๊สก็เปลี่ยนเป็นการเปิดโหมด Fortification ตัดระบบ Sweet Spot ของปืนไรเฟิลซุ่มยิงในภาคที่แล้ว กลับมาเป็นการยิงเข้าหัวเท่านั้นถึงจะตาย กับระเบิดจะมีช่วงหน่วงเวลาเพื่อให้เราหนีออกมาได้ทัน ซึ่งมันก็ไม่แรงพอที่จะฆ่าเราในลูกเดียว และภาคนี้ จะไม่มี Behemoth โผล่มาช่วยฝั่งแพ้อีกต่อไป
อย่างที่เห็น เขาเน้นให้ผู้เล่นฆ่ากันด้วยฝีมือมากขึ้น ไม่ใช่ด้วยอุปกรณ์หรือความสามารถพิเศษ คุณต้องศึกษาเอกลักษณ์ของปืนแต่ละกระบอก เรียนรู้ที่จะควบคุมแรงถีบ ไม่ต้องห่วงเรื่องกระสุนไปไม่ตรงเป้า, กระจายตัว คราวนี้เป้าไปทางไหน กระสุนก็ไปทางนั้น อยู่ที่คุณจะควบคุมเป้าเล็งได้ดีแค่ไหน และในเมื่อคุณไม่สามารถระบุตำแหน่งศัตรูด้วยตัวเอง หรือ 3D Spot ทำให้คุณต้องอาศัยการสังเกตมากขึ้น รวมถึงยานพาหนะก็ไม่สามารถซ่อมตัวเองได้จนเต็มแถมยังมีกระสุนจำกัด ทำให้พลขับต้องหาทางย้อนกลับมาที่จุดซ่อมบำรุงอยู่เสมอ
แต่ถ้าคุณอยากจะลุยเดี่ยวแบบที่เคยทำในภาคก่อนก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ แค่คุณต้องใช้ฝีมือยิ่งกว่าที่เคย ความแรงของอาวุธในภาคนี้จะไม่ใช่ระดับภาค 3,4 ที่ยิงกันตายใน 4 หรือ 5 นัด แต่มันจะอยู่ที่ประมาณ 7-8 นัดเลยทีเดียว ซึ่งแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่คุณจะชนะการต่อสู้แบบ 2-3 ต่อ 1 แต่ด้วยระดับความแรงของ Headshot ที่สูงถึง 1.9 เท่า ต่างจากภาคก่อนที่ 1.7 เท่า ทำให้คุณสามารถล้มศัตรูได้เร็วมากหากยิงเข้าหัว นั่นคือถ้าอยากจะ Kill เร็ว คนเดียวหลายศพก็ต้องแม่นหัวใช้ได้ หรือไม่ก็เก่งกับการวิ่งตลบหลัง จำนวนกระสุนที่จำกัดทำให้คุณต้องคอยเก็บกระสุนจากศัตรูที่ตาย ซึ่งจะได้แค่ประมาณเกือบครึ่งแม็กกาซีน ถ้าคุณไม่ได้เล่นคลาสแพทย์สนามก็ต้องไปให้ถึงกล่องพยาบาลที่อยู่ตามฉากเพื่อฟื้นพลังจนเต็ม จะทำลายรถถังด้วยตัวเองก็ได้ แต่อาจจะหลายนัดและต้องใช้งานกล่องกระสุนอย่างแน่นอน เพราะระเบิดที่คุณมีไม่เพียงต่อการพังรถถังในชุดเดียว ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับพลขับยานพาหนะที่ต้องอาศัยความรู้แผนที่ จุดซ่อมบำรุงตั้งอยู่ตรงไหนและคุณจะรักษาพื้นที่ยังไงโดยไม่เสียหายหนักจนซ่อมไม่ได้ สรุปก็คือ สายลุยเดี่ยวยังคงทำได้ แต่ต้องใช้ฝีมือยิ่งกว่าเดิมและลำบากกว่าเดิม

แต่งองค์ทรงเครื่องให้พอใจ

นับว่าเป็นเรื่องที่ก่อดราม่าอย่างหนักหน่วง นับตั้งแต่การเปิดตัวของ Battlefield V กับการให้ผู้เล่นแต่งตัวเป็นทหารสุดแฟนตาซีในสงครามโลกครั้งที่ 2 รวมถึงการให้ผู้เล่นเลือกที่จะเปลี่ยนเพศเป็นตัวละครหญิง แม้ว่าจะก่อปัญหาให้เกิดเสียงแตกกันไปหลายฝั่งแต่นี่ก็ถือเป็นลูกเล่นที่ไม่เคยมีมาก่อน จากที่ผ่านมาเราอาจจะมีการเปลี่ยนลายพรางชุดกับลวดลายบนปืน คราวนี้คุณสามารถเปลี่ยนได้ตั้งแต่ หมวก, เสื้อ, กางเกง, รองเท้า, ลายพรางหน้า, เชื้อชาติของตัวละคร และแน่นอน เพศ นั่นแปลว่า เราจะไม่ได้จดจ่ออยู่กับการไต่ระดับเลเวลเพื่อปลดอาวุธใหม่ ๆ อย่างเดียว แต่เรายังมีการปลดล็อคของตกแต่งแบบใหม่ให้กับทหาร, อาวุธ และยานพาหนะ ซึ่งการตกแต่งก็จะแยกกันเป็นเอกเทศน์ระหว่างทหารทุกคลาสและทุกฝักฝ่าย
แต่หลังจากที่กระแสแฟน ๆ พากันเรียกร้องถึงความไม่สมจริงในแบบสงครามโลกครั้งที่ 2 ทางผู้พัฒนาก็ได้ออกมาสัญญาแล้วว่า เขาจะปรับความแฟนตาซีของเครื่องแต่งกายให้น้อยลง ซึ่งก็ต้องรอดูกันต่อไปว่ามันจะออกมาในรูปแบบไหน

จ่ายทีเดียวจบ

บอกลา Premium Pass ไปเลย ใน Battlefield V เราไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่มเพื่อซื้อ DLC อีกต่อไป โหมดการเล่น, แผนที่ใหม่ ๆ ที่จะออกมาในอนาคต รวมถึงโหมด Battle Royale ในชื่อ Firestorm จะปล่อยออกมาให้ฟรีสำหรับผู้เล่นทุกคน ไม่มีการแบ่งแยกกลุ่มผู้เล่นอีกแล้ว และจะไม่มีการขาย Loot Box สุ่มเปิดกล่องอย่างที่เคยมีในภาคที่แล้ว ของตกแต่งอาวุธที่ไม่มีผลกับบาลานซ์เกมจะดรอปมาให้ผู้เล่นตรง ๆ เพียงแค่คุณเล่นเกมแล้วทำแต้มด้วย คลาส, อาวุธ หรือ ยานพาหนะ จนเลเวลของมันสูงขึ้น เกมก็จะดรอปของตกแต่งที่ใช้กับสิ่งที่คุณเล่น แม้ว่ามันก็ยังมาแบบสุ่ม แต่จะไม่มีการเปิดกล่องเสี่ยงดวงเพื่อได้ของตกแต่งกับสิ่งที่คุณไม่ได้เล่น
แต่ Battlefield V ก็ยังมีระบบ Microtransactions หรือการเติมเงินในเกม โดยมันจะมีค่าเงิน 2 แบบ คือ Grind Currency และ Premium Currency ซึ่งถ้าคุณไม่อยากจ่ายเงินเพิ่ม คุณก็ต้องเล่นเกมเพื่อเก็บเงิน Grind Currency แล้วนำไปซื้ออัพเกรดกับของตกแต่ง คุณจะได้มันจากการ อัพเลเวลตัวละคร, อัพเลเวลของอาวุธ-ยานพาหนะ และทำภารกิจที่เรียกว่า Assignment แต่ถ้าคุณเติมเงินซื้อคุณจะได้ Premium Currency เอาไว้ซื้อของทันที ซึ่งถ้าใครเคยเล่น Call of Duty: WW2 มาก่อน ก็น่าจะคุ้นเคยกับระบบนี้ คือถ้าไม่อยากจ่ายเพิ่มก็ต้องเล่นเข้าไปจนกว่าจะได้ แต่มันจะไม่มีผลกับบาลานซ์ของเกม เพราะสิ่งของที่เติมเงินซื้อได้ทันทีจะเป็นในส่วนของการตกแต่งลวดลายเท่านั้น ส่วนการอัพเกรดอาวุธ, ยานพาหนะ แม้ว่ามันจะใช้ค่าเงินในเกมเพื่อปลดล็อค แต่คุณจะปลดมันไม่ได้ถ้าคุณไม่ได้เล่นอาวุธหรือยานพาหนะชิ้นนั้นจนเลเวลถึงขั้นที่ปลดได้เสียก่อน นั่นแปลว่าต่อให้คุณทุ่มเงินซื้อของในเกมตั้งแต่เลเวล 1 คุณก็ไม่สามารถเหนือกว่าผู้เล่นเลเวล 20+ ได้ทันที แต่รูปร่าง หน้าตา ของแต่งตัว อาจจะดูรวยกว่าเท่านั้นเอง
ก็หวังว่าท่านผู้อ่านจะรู้จัก Battlefield V ดีขึ้นบ้างแล้ว ซึ่งต้องยอมรับเลยว่าการตลาดของ EA ในช่วงที่ผ่านมาค่อนข้างสับสนและไม่ชัดเจน ทำให้รายละเอียดของ Battlefield V ที่ทางผู้สร้างควรจะสื่อออกมาให้ชัดเจนกับผู้บริโภคกลับถูกเอามาบอกกล่าวโดยสื่อ 3rd Party ซะเป็นส่วนใหญ่ แถมพ้วงด้วยกระแสดราม่าสาดโคลนกันอย่างหนักหน่วงก็ทำให้หลายคนแทบจะไม่สนใจรายละเอียดหลักของเกมนี้อีกแล้ว แต่ว่าทางผู้สร้างจะรักษาคอนเซ็ปท์ของตัวเอง และส่งผลงานเกมอย่างที่เขาสัญญาได้จริงรึเปล่า ไว้เรามาพิสูจน์กัน วันที่ 20 พฤศจิกายน 2018 บนเครื่อง PC, PlayStation 4 และ Xbox One

DICE เผยเหตุที่ Battlefield V เซนเซอร์คำ “White Man” กับ “DLC”

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เกม Battlefield V เวอร์ชั่น Beta ได้เปิดตัวให้เกมเมอร์ได้ทดลองเล่นกัน แต่แล้วเกิดประเด็นร้อน (แบบขำ ๆ) อีกรอบว่าระบบ Chat ได้ทำการเซนเซอร์คำว่า “White Man” และ “DLC” โดยไม่ทราบเหตุผล ซึ่งทาง DICE ได้ออกมาเคลียร์เปิดเผยว่าอธิบายทำไมและพร้อมดำเนินแก้ไขเมื่อถึงวันปล่อยเกม 
อ้างอิงจาก Twitter ของ David Sirland ผู้รับผิดชอบตำแหน่ง Producer ในส่วนของ Multiplayer ได้ออกมาเผยถึงสาเหตุที่เกม Battlefield V ได้เซนเซอร์ประโยคคำแบบไม่สมเหตุสมผล เพราะว่าระบบ Chat ได้ใช้ระบบตรวจสอบคำด้วยระบบ AI ที่ยืมอ่านลอการิทึมมาจาก Dictionary ของ EA Games หลายเกมเข้าด้วยกัน

จึงทำให้คำที่ติดแท็กว่าเป็นคำไม่เหมาะสมเข้าไปแทรกรวมกันเป็นประโยคอื่น ๆ จึงทำให้ระบบตรวจสอบได้นับว่าเป็นคำ Toxic ไปโดยปริยาย (หรือคล้ายกัน ซึ่งเขาเองก็ไม่เข้าใจระบบการทำงานอย่างละเอียดเหมือนกัน) และทางทีมงาน DICE จะเปลี่ยนแปลงระบบ Chat อีกที

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Tom Clancy’s Rainbow Six Siege ข้อมูล

Call of Duty: Black Ops 4 reviwe